เมื่อแรกได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้เป็นภาษาไทยคือ “ภาพปริศนา ล่าระทึกโลก” ผมคิดไว้เลยว่าคงมีฉากบู๊ ตามล่าฆ่าฟันกันสนั่นจอแน่ แต่พอได้เห็นตัวอย่างภาพยนตร์ กลับคิดไปอีกอย่างหนึ่งว่า “คงมีแต่ฉากที่ศาล เห็นแต่หน้าทนายความ ผู้พิพากษา และการต่อสู้กันในแง่มุมกฎหมายเท่านั้น” ซึ่งหากเป็นอย่างที่ผมคิดทั้งสองแบบหนังเรื่องนี้ก็คงไม่น่าสนใจอะไรมากมายนัก แต่ด้วยการที่จัดวางดารารุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง “เฮเลน เมียร์เรน” เป็นนักแสดงนำ ก็เลยทำให้คนดูหนังอย่างผมไม่ลังเลที่จะเข้าไปชม เพราะเชื่อมั่นลึกๆ ว่า หากดาราระดับนี้ ยอมมาแสดง หนังเรื่องนี้คงต้องมีอะไรดีๆ อยู่เป็นแน่แท้
จุดใหญ่ใจความของหนังเริ่มต้นที่ชีวิตของ “มาเรีย อัลต์มัน” (รับบทโดย เฮเลน เมียร์เรน) สตรีชาวออสเตรียเชื้อสายยิว เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ครอบครัวของเธอได้ ถูกพวกทหารนาซียึดเอาทรัพย์สินในบ้านไปทั้งหมด ส่วนตัวเธอกับสามีต้องหนีตายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเป็นสาว จุดที่นำมาผูกเป็นประเด็นของหนังเรื่องนี้คือ มีทรัพย์สินพิเศษอยู่ชิ้นหนึ่ง ที่ทหารนาซีนำไปจากบ้านของเธอ นั่นคือรูปวาดขนาดใหญ่ของคุณป้าที่รักและสนิทกับเธอมาก ความพิเศษของรูปนี้คือมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง เพราะวาดโดยใช้เทคนิคการตกแต่งรูปด้วยแผ่นทองคำแท้ ซึ่งศิลปินชั้นนำในยุคนั้นอย่าง “กุสตาฟ คลิมต์” เป็นผู้วาด มาเรียจึงต่อสู้ฟ้องร้องรัฐบาลออสเตรียเพื่อให้ได้รูปนี้กลับคืนมาครอบครอง แต่การต่อสู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะรูปนี้ออสเตรียถือว่าเป็นสมบัติที่มีค่าเปรียบเหมือนกับ “โมนาลิซ่าของประเทศออสเตรีย” เลยทีเดียว
ความสนุกของเรื่องอยู่ตรง คดีนี้ได้ทนายหนุ่มที่ชื่อว่า “เรนดอล โชนเบิร์ก” (รับบทโดย ไรอัน เรย์โนลด์ )ซึ่งเป็นทนายที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จในอาชีพของตัวเองสักเท่าไร แต่กลับได้แรงบันดาลใจจากบางสิ่งบางอย่างในขณะที่เขาเดินทางไปที่ออสเตรียกับมาเรีย และสิ่งนั้นเองที่กลายเป็นแรงผลักดันให้เขากัดไม่ปล่อยกับคดีนี้เพื่อช่วยให้มาเรียได้ภาพกลับคืนมา (ส่วนอะไรคือแรงบันดาลใจนั้น ขอให้ไปชมกันเอาเองนะครับ)
สำหรับผม ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ อยู่ที่การ “ย้อนภาพเหตุการณ์ในห้วงนึก” ของมาเรีย ในขณะที่เธอได้กลับมาเยือนเวียนนาอีกครั้งในวัยชรา เมื่อเธอไปในสถานที่แต่ละแห่ง ภาพเหตุการณ์ความหลังครั้งเก่าๆ สมัยเธอเป็นสาวๆ และใช้ชีวิตอยู่ที่ตรงนั้นก็ผุดขึ้นมา ซึ่งผมขอชมว่า ฉากย้อนยุคนั้นทำออกมาได้ดีมาก ฟีลลิ่งมาเต็มๆ ดูแล้วสวยงาม น่าประทับใจ ซาบซึ้ง กินใจ น้ำตาซึม ยังไม่รวมถึงความตื่นเต้นและเศร้าสะเทือนใจที่อยู่ในหลายฉากหลายตอนนั้นด้วย
อีกส่วนที่ต้องชม คือ นักแสดงนำ โดยเฉพาะ “เฮเลน เมียร์เรน” ที่รับบทเป็น “มาเรีย” เธอแสดงได้โดดเด่นสมราคานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์ คือ มาครบทั้งสีหน้า อารมณ์ ความรู้สึก จัดเต็มจริงๆ ยอมรับว่า ดูแล้วอินมาก สำหรับทนายหนุ่ม ที่รับบทโดย “ไรอัน เรย์โนลด์” ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว สอบผ่านได้สบายๆ เช่นกัน
หากถามหาจุดด้อย (ที่พอจะมีอยู่บ้าง) ของหนังเรื่องนี้ คงเป็นช่วงต้นๆ ของการดำเนินเรื่องที่ดูจะยืดยาดไปบ้าง และเป็นหนังที่มีบทพูด บทสนทนาค่อนข้างมาก สำหรับท่านที่ไม่ชอบหนังประเภทพูดเยอะ อาจจะมีง่วงนอนนิดหน่อย แต่อยากให้ติดตามฟัง (แต่สำหรับผม คือติดตามอ่านซับไทย 555) อย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งที่เขาสนทนากันในหนัง ล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนไขตามมาที่ใช้เป็นช่องทางในการต่อสู้คดีทั้งสิ้น
นอกจากนี้ “Woman in Gold หรือ ภาพปริศนา ล่าระทึกโลก” ยังแฝงข้อคิดเรื่องของ ความรัก ความผูกพัน ความเชื่อมั่น และแสดงให้เห็นภาพประวัติศาสตร์บางช่วงบางตอนของบ้านเมืองในสมัยสงครามด้วย ในตอนท้ายของภาพยนตร์มีการเล่าต่อว่า เมื่อคดีสิ้นสุดลงแล้ว ชีวิตของ มาเรีย และทนายหนุ่ม ดำเนินต่อไปอย่างไร ซึ่งจุดนี้ผมชอบนะ เพราะทำให้หนังจบลงได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น
สรุปคะแนนภาพรวมของ “Woman in Gold” ผมให้ ที่ 8.5/10 แยกเป็นคะแนนในส่วนของนักแสดงนำ 9/10 ในส่วนของการดำเนินเรื่องให้ที่ 8/10 (เพราะเดาตอนจบได้สบาย ไม่มีหักมุมหรือ Surprise ใดๆ) ในส่วนความงดงามของฉากและดนตรีประกอบ ให้ที่ 9/10 (โดยเฉพาะฉากที่ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย บอกเลยว่า สวยงาม และโรแมนติคมากๆ จนอยากจะบินไปนั่งจิบน้ำชา กาแฟแถวๆ นั้นสักเดือนสองเดือน 555 ) ในส่วนข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ผมให้ที่ 8.5/10 สรุปว่าเป็นหนังที่มีความงดงามในแง่มุมของประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นความรัก ความผูกพันของคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ชอบหนังประเภท “สร้างจากเรื่องจริง” ผมรับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอนครับ
อาจารย์บอม
ปล. ความคิดเห็นและคะแนนที่ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ
ท่านผู้อ่านมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะเห็นด้วยหรือเห็นต่างออกไป
ผมขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านรีวิวครับ J
ท่านผู้อ่านมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะเห็นด้วยหรือเห็นต่างออกไป
ผมขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านรีวิวครับ J