หนังแนวเสียดสีสังคมที่เข้ามาฉายในบ้านเรา มีไม่ค่อยมากนัก อาจเป็นเพราะสู้แรงหนังกระแส หรือพวกหนัง HollyWood ไม่ได้ แต่สำหรับ หนังเรื่อง The Lobster : โสด เหงา เป็นล๊อบสเตอร์ นี่ต้องถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะหลังจากฉายใน กทม. ได้ไม่นานก็มีการเพิ่มโรงฉายเข้าไปตามต่างจังหวัดด้วย วันที่ผมมาดูที่ Major สาขา Central Festival เชียงใหม่ มีคนมานั่งชมกันเกือบเต็มโรง ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ หนัง The Lobster โสด เหงา เป็นล็อบสเตอร์ นี้ ได้รับคำชมอย่าง ล้นหลามทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะสไตล์การเล่าเรื่องที่น่าสนใจและมุมกล้องสวยๆ รวมถึงดนตรีประกอบด้วย
หนังเรื่องนี้สะท้อนชีวิตในดินแดนแห่งหนึ่ง (ซึ่งเป็นดินแดนแนวอุดมคติ) คือคนจะอยู่ในตัวเมืองได้ จะต้องเป็นคนที่มีคู่เท่านั้นจะคู่เพศเดียวกันหรือคู่ต่างเพศ ก็ได้ แต่หากใครเป็นโสด ไม่ว่าจะโสด เมียตาย เมียหายหรือเมียทิ้ง จะต้องไปเข้าอยู่ในโรงแรมที่จะให้โอกาสคนโสด ได้เข้ามาหาคู่ที่เหมาะสมกับตน โดยให้เวลา 45 วัน หากครบกำหนดแล้วยังหาคู่ไม่ได้ก็ต้องถูกแปลงสภาพเป็นสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง ตามที่เจ้าตัวแจ้งความประสงค์ไว้
พระเอกของเราซึ่งโดนเมียทิ้งก็เลยได้เข้ามาอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ และได้แจ้งความประสงค์ว่า หากครบกำหนดแล้วยังหาคู่ไม่ได้ ขอให้แปลงร่างเขาเป็น Lobster (ส่วนเหตุผลว่าทำไมเลือกสัตว์ชนิดนี้ ขอให้ไปหาคำตอบเองที่โรงภาพยนตร์นะครับ) ท้ายสุดแม้ว่าเขาจะหาสามารถหาคู่ที่เหมาะสมกับเขาได้ก่อนวันครบกำหนดก็ตาม แต่เขาได้หนีออกจากโรงแรมนั้นอยู่ดี
พระเอกของเราได้หนีเข้าป่าไปอยู่กับกลุ่มคนโสด ซึ่งก็มีกฎเกณฑ์ของกลุ่มที่ จะต้องปฏิบัติตามอีกเช่นกัน และเขาก็พลาดไปมีความรักกับผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งเป็นการแหกกฎกลุ่มคนโสดอย่างร้ายแรง ท้ายสุดเขาและผู้หญิงคนนั้นจึงต้องหนีออกจากกลุ่มคนโสด แต่บทลงเอยของการหนีออกมานั้นจะจบลงอย่างไร เป็นอะไรที่น่าติดตามและวิเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง
เสน่ห์ของหนังเรื่อง The Lobster โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์ คือ ความฉลาดของคนทำหนังในการซ่อนความนัยหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ให้คนดูขบคิดตามไปด้วย แทบจะทุกฉากทุกซีน แต่ที่เด็ดมากๆ คือ การสะท้อนความคิดจิตใจในส่วนลึกแบบดิบๆ ของมนุษย์ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก และการใช้ชีวิตคู่
หนังเรื่อง “Lobster โสด เหงา เป็น ล็อบสเตอร์” ในส่วนของดารานำ ผมให้ที่ 9/10 ในส่วนของดนตรีและเพลงประกอบผมให้ที่ 10/10 มุมกล้องความงดงามของภาพ ผมให้ที่ 9.5/10 เนื้อหาและข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ ให้ที่ 10/10 คะแนนรวมให้ที่ 9.8/10 ถือเป็นหนังเสียดสีสังคมที่ดีมากๆ และไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
สำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบหนังสาย Art แบบที่ดูไปต้องคิดตามไปด้วย อาจจะรู้สึกมึนๆ หรือดูเรื่อง The Lobster นี้ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง นอกจากตลอดทั้งเรื่องจะถ่ายทำในโทนสีทึมๆ หนักๆ แล้ว ดนตรีและเพลงประกอบแม้จะไพเราะเพราะพริ้ง แต่ชวนให้เครียดและกดดันไปตามเนื้อเรื่อง ส่วนคนที่เป็นโสดอยู่ บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาดสำหรับเรื่องนี้ แต่อยากย้ำว่า ให้จับตาดูตอนจบของเรื่องนี้ไว้ให้ดีๆ แล้วมาวิเคราะห์ให้ผมฟังบ้างว่าท่านคิดว่าอย่างไร
อาจารย์บอม
อ้อ.ลืมบอกไปหนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน เนื่องจากมีฉากที่ล่อแหลมและโหดร้าย อยู่หลายฉากทีเดียว