ในมุมมองของบางคน Social Media อาจเป็นที่ที่น่ากลัว เพราะเต็มไปด้วยพวกนักเลงคีย์บอร์ดและเหล่าอันธพาลออนไลน์ แต่สำหรับนักการเมืองสหรัฐอเมริกาแล้ว Social Media คือ แหล่งรวมของ ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นที่นี่จึงเป็นที่ที่เขาจำเป็นต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
Social Media ถือเป็นเครื่องมือสื่อสารที่น่าอัศจรรย์ แม้ว่า Mike Schlossberg ในฐานะนักการเมือง จะมองว่าการใช้ Social Media นั้นมีข้อควรระวังและข้อควรกระทำ อยู่ด้วยกันหลายประการ แต่สิ่งที่เขาคิดว่าหัวใจสำคัญที่สุดของการใช้งานสื่อชนิดนี้ คือ การใช้ภาษาที่สุภาพและเหมาะสม เพราะนักการเมืองจะถูกคาดหวังจากประชาชน ในระดับมาตรฐานที่สูงกว่าคนทั่วไป เขายังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า ผู้นำหรือผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมืองในระดับสูง กลับมองข้ามประเด็นสำคัญนี้ไปอย่างน่าเสียดาย และมักใช้ Social Media สื่อสารด้วยถ้อยคำและท่าทีที่ไม่สุภาพ จนกลายเป็นการเปิดเผยตัวตนอีกด้านหนึ่งที่ไม่ค่อยจะน่าชื่นชมนักออกสู่สายตาประชาชน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองของเขาเอง หัวใจสำคัญของการสื่อสารผ่าน Social Media คือ การให้ความเคารพและให้เกียรติ ประชาชน เป็นลำดับแรก โดยเฉพาะในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายเช่นในปัจจุบันนี้
ขณะที่นักการเมืองบางคนบอกว่า เขาไม่ค่อยได้ใช้ Social Media มากนัก เนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา อย่างไรก็ตาม จะมีทีมงานของเขา ที่คอยอัพเดท เฟสบุ๊คเพจ โดยจะแจ้งข่าวสารให้ประชาชน ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ได้รับทราบว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในรัฐสภา อย่างไรก็ตามนักการเมืองรายนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประชาชนอเมริกัน ก็เริ่มแสดงออกซึ่งความสิ้นหวังและเกรี้ยวกราดมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ
สำหรับ Helton-Armstrong ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ มองว่า Social Media นั้นเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ทำให้นักการเมือง ได้รับรู้ว่าประชาชนกำลังคิดกับเขาอย่างไร Social Media กลายเป็นสื่อกลางที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในการเป็นเวทีสาธารณะที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
Pamela Hornberger บอกว่า เธอใช้ Social Media ในการแจ้งข่าวสารแก่ชุมชนและมีการเข้าไปตอบ comment เป็นครั้งคราว เธอมองว่า หากไม่สามารถเข้าไปตอบข้อสงสัยเป็นรายบุคคลได้แล้ว การใช้ Social Media แทบจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลย หนำซ้ำอาจจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับประชาชนได้มากขึ้น เธอไม่เชื่อว่า Social Media จะสามารถเป็นสื่อกลางที่ใช้แทนการสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะ Social Media ในปัจจุบันนี้ เต็มไปด้วยผู้คนที่โกรธแค้นและไม่มีความสุข ข้อดีของการมีช่องทางบนโซเชียลมีเดีย นั้น คือ ช่วยให้ประชาชนได้ระบายอารมณ์และความกดดัน ที่มีอยู่ในใจออกมา เท่านั้น
นักการเมืองอีกคน คือ Shane Hernandez บอกว่า เขามี เพจอยู่ 2 เพจ เพจแรกในฐานะผู้แทนราษฎรของมลรัฐ ส่วนอีกเพจหนึ่ง เขาใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แม้ว่าปัจจุบันนี้เขาจะโพสต์หรือแชร์ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ลงบนเพจของเขา แต่โดยส่วนตัวแล้ว เขาไม่เชื่อว่า Social media นั้นเหมาะสมกับการพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างมีเหตุมีผล เพราะผู้คนบน Social Media มักแสดงพฤติกรรมหรือคำพูดคำจาที่แตกต่างไปจากการพบปะสนทนากันแบบตัวต่อตัวหรือพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามทีมงานของเขา จะนั่งอ่านทุกคอมเม้นท์ที่มีผ่าน Social Media และทำการประสานให้แต่ละคน ติดต่อไปยังช่องทางที่เหมาะสม เพื่อรับเรื่องร้องเรียน หรือ แม้กระทั่ง นัดหมายให้ประชาชน มาพบปะเพื่อพูดคุยกัน เป็นการส่วนตัวกับทีมงานและผู้แทนราษฎร
สำหรับ Dan Lauwers นั้นใช้ Social Media ในการแชร์มุมมองเกี่ยวกับชีวิต หรือแชร์ภาพที่เขามีโอกาสเห็น แต่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่เคยได้เห็น เขาใช้ Social Media เช่น เฟสบุ๊คเพจ ในการโพสต์เรื่องราวทั่วๆ ไป และหลีกเลี่ยงที่จะใช้ Social Media เป็นเวทีพูดคุยในเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง เขามองว่าการใช้ Facebook พูดคุยเรื่องการเมือง เป็นการสนทนาแบบข้างเดียว ที่ไม่มีการปฏิสัมพันธ์หรือการสื่อสารแบบสองทางอย่างแท้จริง ซึ่งจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ขึ้นเลย โดยเฉพาะในประเด็นที่ต้องมีการพูดคุยหรือถกถียงกัน อย่างไรก็ตาม หากมีคนอินบ๊อค หรือ ติดต่อเขาผ่านทางเฟสบุ๊ค เขาจะให้เบอร์โทรศัพท์เพื่อทำการนัดหมายเพื่อพูดคุยกันในประเด็นต่างๆ แบบเห็นหน้าเห็นตากัน แม้ว่านักการเมืองและผู้แทนราษฎร หลายคนจะใช้ Facebook เป็นช่องทางในการติดต่อกับประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง แต่เขากลับมองว่า ระบบของเฟสบุ๊คเองก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับเขาเท่าไรนัก ข้อดีของ Facebook คือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธภาพในการกระจายข่าวสารต่างๆ ออกไป แต่ในเรื่องการจัดการเกี่ยวกับประเด็นที่มีข้อถกเถียงหรือมีความขัดแย้งนั้น Facebook ไม่ใช่เครื่องมือที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับการพูดคุย หรือสนทนากับผู้คนเหล่านั้นโดยตรง
สำหรับ Phil Pavlov มองว่า Social Media เป็นเครื่องมือที่ดีที่ทำให้นักการเมืองได้มีโอกาสรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งได้โดยตรง ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่ ก็ตาม อย่างน้อยๆ ความเห็นของประชาชน ก็ทำให้เราไหวตัวทันกับกระแสที่เกิดขึ้น เขายังใช้ Facebook เป็นช่องทางสำคัญ ให้ประชาชน ติดต่อไปยังสำนักงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ของเขา สิ่งสำคัญที่เขาเน้นเป็นพิเศษคือ การเข้าไปตอบคอมเม้นท์ต่างๆ บน Social Media นั้น จำเป็นต้องใช้ความ สุภาพ ตรงไปตรงมา จริงใจ และให้เกียรติ ประชาชน เพราะหากขาดซึ่งคุณลักษณะต่างๆ เหล่านี้แล้ว อาจนำมาซึ่งปัญหากับบรรดานักเลงคีย์บอร์ดหรือประชาชนผู้โกรธแค้นได้
จะเห็นว่า นักการเมืองและผู้แทนราษฎรในสหรัฐอเมริกานั้น มีการใช้ Social Media เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับประชาชน และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองและติดตามความเคลื่อนไหวรวมทั้งการทำงานของเขาผ่านทาง Social Media ได้ แม้บางคนจะไม่มีเวลามาลงเล่นเอง แต่ก็จะเตรียมทีมงานเพื่ออัพเดทข้อมูลต่างๆ ลงบน Social Media รวมทั้งประสานงานรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่มีเข้ามาผ่านทาง Comment สุดท้ายนักการเมืองทุกคนได้เน้นย้ำถึงหัวใจสำคัญในการใช้ Social Media ในทางการเมือง คือต้องใช้ถ้อยคำ และท่าที ที่สุภาพ จริงใจ และให้เกียรติประชาชน เพราะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลสาธารณะมักจะถูกคาดหวังถึงมาตรฐาน ที่สูงกว่าคนทั่วไป ไม่รู้ว่า นักการเมืองไทย ที่ปี่กลองเลือกตั้งใกล้จะเริ่มบรรเลงแล้วนั้น ได้เตรียมวางแผนงานเกี่ยวกับการใช้ Social Media ไปถึงไหนกันแล้ว หรือว่ายังไม่เตรียมอะไรทั้งสิ้น เพราะยังลูกผีลูกคน ไม่รู้ว่าเราจะได้มีการเลือกตั้งกันหรือไม่
อาจารย์บอม
ชนัฐ เกิดประดับ
08-01-2018
ที่มาข้อมูล : TheTimesHerald