CitizenFour หรือ แฉกระฉ่อนโลก เป็นภาพยนตร์แนวสารคดีที่กวาดมาแล้วสารพัดรางวัล รวมทั้งรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์สารคดี ของปีล่าสุดนี้ด้วย แม้ว่ารอบและโรงที่ฉายในประเทศไทยจะมีน้อยไปหน่อย แต่ก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างคึกคัก ในรอบที่ผมเข้าไปดู เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม ตอน 2 ทุ่มที่ SF เชียงใหม่นั้น คนดูเกือบเต็มโรงเลยทีเดียว
CitizenFour หรือ แฉกระฉ่อนโลก ไม่ใช่ภาพยนตร์แนวสนุกสนานตื่นเต้นผจญภัยจนนั่งไม่ติดหรือแนวสืบสวนสอบสวนแบบมีให้ลุ้นตามตาไม่กระพริบ แต่เป็นหนังสารคดีที่เป็นเรื่องจริง นักแสดงทุกคนคือ ตัวจริง ไม่ใช่ดารา และทุกคนใช้ชื่อจริงและทุกช๊อตก็บันทึกจากเหตุการณ์จริง เรื่องราวของหนังเริ่มต้นจาก เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของหน่วยงานด้านวิเคราะห์ข่าวกรองของสหรัฐชื่อนาย Edward Snowden คุ้นๆ ใช่มั๊ยครับ นายคนนี้ล่ะครับที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเพราะแกเล่นไปดูดเอาข้อมูลด้านการข่าวที่สำคัญลับสุดยอดของสหรัฐ (ที่ได้มาจากการแอบสอดแนม ดักฟัง พลเมืองของสหรัฐ รวมทั้งของประเทศอื่นๆ ) ไว้เพียบเลย พอได้ข้อมูลพวกนี้ไว้กับตัวเองแล้ว แกก็เผ่นไปตั้งหลักที่เกาะฮ่องกง จากนั้นส่งอีเมลด้วยนามแฝง “CitizenFour” เพื่อติดต่อให้คนสองคนเดินทางไปบันทึกข้อมูลและสัมภาษณ์แกแบบส่วนตั๊วส่วนตัวที่ ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง ณ เกาะฮ่องกง โดย สองคนนั้นคือ เกลนน์ กรีนวอลด์ นักข่าวหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียนของอังกฤษ และอีกคนคือ ลอรา พอยทราส ที่เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นล่ะครับ
ความสนุกและน่าตื่นเต้นของภาพยนตร์คือในระหว่าง 7 วันที่นักข่าวนั่งๆ นอนๆ สัมภาษณ์นายคนนี้ในห้องพักนั้นได้มีการบันทึกเทปภาพยนตร์บทสัมภาษณ์ รวมทั้งอิริยาบถต่างๆ ของนาย Snowden คนนี้ไว้ด้วย มันเลยเป็นเหมือน Live Show ที่ทำให้เราได้เห็นชีวิตจริงๆ ของนายคนนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ในภาวะที่แกรู้สึกสับสน ในภาวะที่เครียดวิตกกังวล หรือแม้กระทั่งบางฉากที่แกแสดงออกด้วยท่าทีที่ทำให้เราอดขำไม่ได้ แต่นั่นเป็นเพราะความหวาดระแวงว่าอาจจะกำลังถูกสอดแนมอยู่ แกเลยต้องทำท่าทางแผลงๆ ออกมาเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
สิ่งที่เป็นประโยชน์สุดๆ จากการดูหนังเรื่องนี้คือ ทำให้ได้รู้ว่าไอ้อุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวเราในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต โทรศัพท์มือถือ หรือสารพัดบริการที่มีการส่งผ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตทั้ง อีเมล์ เฟสบุ๊ค และ อะไรต่อมิอะไรที่เราใช้ๆ กันอยู่นั้น ล้วนสามารถถูกสอดแนมข้อมูลได้ทั้งสิ้น โดยข้อมูลที่ถูกล้วงไปนั้น ละเอียดยิบถึงขนาดที่ว่า เราโทรไปหาใครเวลาไหน หรือรู้แม้กระทั่งว่าเราคุยอะไร หรือส่งอีเมล์ไปถึงใคร เนื้อหาในอีเมล์มีว่าอย่างไร คือถ้าฟังนาย Snowden แฉสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐกำลังทำอยู่ แล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าหลายท่านคงอดผวาตามไปด้วยไม่ได้แน่ๆ จะว่าไปแล้วเราเองก็อยู่ห่างไกลจากประเทศสหรัฐเยอะนะ (แต่นายคนนี้บอกว่า การสอดแนมข้อมูลนี้ไม่ได้มีเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น แต่สอดแนมไปทุกประเทศทั่วโลกจ้า)
ประเด็นคือนาย Snowden เจาะจงเปิดเผยเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าว เพราะต้องการจุดกระแสให้ประชาชนคนอเมริกัน ได้ตื่นตัวว่า เฮ้ย ความเป็นส่วนตัวของพวกเราไม่มีแล้วนะโว๊ย รัฐบาลสามารถสอดแนมข้อมูลของทุกคนได้หมดคือไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายฉันก็จะสอดแนมเธอ ประเทศอื่นๆ ก็เริ่มผวาละสิทีนี้ เพราะนายคนนี้แฉต่อว่า สหรัฐนั้นมีระบบสอดแนมข้อมูลชาวบ้านไปทั่วแทบทุกประเทศ พอเปิดเผยแบบนี้ปั๊ป เลยกลายเป็นประเด็นร้อนระหว่างประเทศไปในทันที
จุด ไคล์แม๊กซ์ ของเรื่องนี้คือ ตอนแรกนาย Snowden ไม่ได้บอกให้นักข่าวเปิดตัวว่าแกเป็นคนให้ข้อมูลพวกนี้ แต่พอวันท้ายๆ ของการสัมภาษณ์แกบอกให้นักข่าวเปิดตัวแก โดยให้โชว์หน้าโชว์ตาออกสื่อให้เห็นกันจะๆ เลยทีเดียว ที่แกทำแบบนี้ แกต้องการประกาศ ให้รู้ว่า กูไม่กลัวมึง และกูก็ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคน ไม่ว่าจะเกิดไรขึ้นนับจากนี้ แกบอกว่าอยากให้สิ่งที่แกทำนี้เป็นการจุดประกายให้คนอื่นๆ ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้ในประเด็นนี้ต่อไป
ที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกคือ เมื่อนายคนนี้ เปิดหน้าเปิดตาออกสื่อไป ก็กลายเป็นข่าวใหญ่เลยทีนี้
สหรัฐถึงกับเต้นนั่งไม่ติด ประสานมายัง ฮ่องกงให้ลากตัวนายคนนี้ กลับไปดำเนินคดีที่สหรัฐโดยด่วนในข้อหาจารกรรม ซึ่งถือเป็นข้อหาร้ายแรงมากเลยทีเดียว แต่ท้ายสุด แกก็สามารถรอดเงื้อมือสหรัฐ โดยจบลงด้วยการไปลี้ภัยอยู่ที่ประเทศรัสเซีย (คู่รักคู่แค้นสหรัฐเลยทีเดียว 555) โดยภายหลังแฟนของนาย Snowden ได้บินตามไปอยู่กับแกที่รัสเซียด้วย ที่เด็ดคือภาพยนตร์เรื่องนี้ยังตามไปสัมภาษณ์ความเป็นอยู่ของแกกับแฟนให้ดูต่ออีกนะ สุดยอดมาก 555
สหรัฐถึงกับเต้นนั่งไม่ติด ประสานมายัง ฮ่องกงให้ลากตัวนายคนนี้ กลับไปดำเนินคดีที่สหรัฐโดยด่วนในข้อหาจารกรรม ซึ่งถือเป็นข้อหาร้ายแรงมากเลยทีเดียว แต่ท้ายสุด แกก็สามารถรอดเงื้อมือสหรัฐ โดยจบลงด้วยการไปลี้ภัยอยู่ที่ประเทศรัสเซีย (คู่รักคู่แค้นสหรัฐเลยทีเดียว 555) โดยภายหลังแฟนของนาย Snowden ได้บินตามไปอยู่กับแกที่รัสเซียด้วย ที่เด็ดคือภาพยนตร์เรื่องนี้ยังตามไปสัมภาษณ์ความเป็นอยู่ของแกกับแฟนให้ดูต่ออีกนะ สุดยอดมาก 555
เอาเป็นว่าไม่ขอสปอยล์ เรื่องราวให้มากไปกว่านี้ล่ะ (แต่ที่เล่ามานี่ก็เกือบจะทั้งเรื่องแล้วนะ 555 ) ขอบอกว่า CitizenFour เป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิในการดูสูงมากและหลายฉากนี่เผลอลุ้นไปกับนาย Snowden ด้วย เพราะฟีลลิ่งของหนังทำออกได้ดีนะขนาดเป็นสารคดียังทำให้ตื่นเต้นได้เป็นระยะๆ
เพราะฉากตรงหน้าจอนั้น เรารู้อยู่เต็มอกว่ามันคือ ของจริงๆ ไม่มี สตั้นท์ ไม่มีการเซ็ตอัพล่วงหน้า ช่วงจะหนี ก็คือหนีจริง ช่วงสัมภาษณ์ก็ให้สัมภาษณ์จริง ร้องไห้จริง เครียดจริง ฯลฯ
เพราะฉากตรงหน้าจอนั้น เรารู้อยู่เต็มอกว่ามันคือ ของจริงๆ ไม่มี สตั้นท์ ไม่มีการเซ็ตอัพล่วงหน้า ช่วงจะหนี ก็คือหนีจริง ช่วงสัมภาษณ์ก็ให้สัมภาษณ์จริง ร้องไห้จริง เครียดจริง ฯลฯ
หนังเรื่องนี้ ถ้าดูเอาสาระ ดูได้ความรู้ จะได้ระวังตัวเกี่ยวกับภัยสอดแนมในโลกยุคข้อมูลข่าวสารอันนี้ผมให้ไปเลย 9.5/10 ในแง่ดารานำ และดาราประกอบ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่ดารา แต่เป็นเจ้าตัวเองจริงๆ ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือตัว Snowden (ปล.นาย Snowden หล่อมากจริงๆ
เป็นพระเอกหนังได้สบายๆ ) คะแนนในส่วนของนักแสดงนี้ นี้ผมให้ไปเลย 10/10 เล่นได้เนียนมาก เพราะทุกคนคือตัวจริง ไม่ใช่การแสดง ในส่วนของการดำเนินเรื่อง สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังแนวสารคดี อาจจะง่วงๆ และมึนๆ บ้างเป็นบางช่วง หากคาดหวังจะไปดูเอาสนุกอันนี้ ผมบอกเลยว่า อาจจะผิดหวังหน่อย ในส่วนของมุมกล้องและความพยายามในการเก็บภาพอารมณ์อิริยาบถต่างๆ ของนาย Snowden ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องถือว่าทำได้ดีมาก ส่วนนี้ให้ 9.5/10
เป็นพระเอกหนังได้สบายๆ ) คะแนนในส่วนของนักแสดงนี้ นี้ผมให้ไปเลย 10/10 เล่นได้เนียนมาก เพราะทุกคนคือตัวจริง ไม่ใช่การแสดง ในส่วนของการดำเนินเรื่อง สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังแนวสารคดี อาจจะง่วงๆ และมึนๆ บ้างเป็นบางช่วง หากคาดหวังจะไปดูเอาสนุกอันนี้ ผมบอกเลยว่า อาจจะผิดหวังหน่อย ในส่วนของมุมกล้องและความพยายามในการเก็บภาพอารมณ์อิริยาบถต่างๆ ของนาย Snowden ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องถือว่าทำได้ดีมาก ส่วนนี้ให้ 9.5/10
โดยสรุปภาพรวมเรื่องนี้ได้จากผมไป 9.5/10 แค่อยากจะเตือนเบาๆ อีกครั้งว่า หากไม่ชอบหนังแนวสารคดี โปรดอย่าไปดูเพราะโอกาสหลับคาจอมีแน่ วันที่ผมไปดูมีคนเดินออกจากโรง 2-3 คน ตั้งแต่ช่วงกลางๆ ของเรื่อง แต่หากท่านสนใจเรื่องการสอดแนมข้อมูล เรื่องการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งชื่นชอบหนังสารคดี แบบสมจริง เล่นจริง เจ็บจริง อารมณ์สีหน้า มาแบบจริงๆ เต็มๆ ผมถือว่าหนังเรื่องนี้ น่าสนใจมากๆ พลาดไม่ได้เลยทีเดียวครับ
อาจารย์บอม
One comment on “รีวิวหนัง CitizenFour – แฉกระฉ่อนโลก”