ช่วงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา มีงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ International Balloon Fiesta 2017 ที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย งานบอลลูนนี้ สิงห์ปาร์ค เขาจัดทุกปีจนจะกลายเป็นงานประเพณีประจำจังหวัดเชียงรายไปแล้ว โดยปีนี้จัดไปเรียบร้อยเมื่อ 14-18 กุมภาพันธ์ 2560 ปกติทุกปี ผมก็เหมือนกันกับคนอื่นๆ ที่ชอบไปนั่งดู ไปถ่ายรูป บอลลูนทรงแปลกๆ สวยๆ สีสันแจ่มๆ แต่ปีนี้พิเศษหน่อย จนต้องเก็บมาเล่าให้ฟังเพราะผมมีโอกาสได้ขึ้นไปเป็นผู้โดยสารอยู่บนบอลลูนที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าจริงๆ ด้วย ขอบอกเลยว่าคนละฟีลลิ่งกับที่เคยเป็นแค่ผู้นั่งดูอยู่ด้านล่างมากมายทีเดียว
การขึ้นบอลลูนต่างจากการขึ้นรถสองแถวเพราะมีขั้นตอนในการเตรียมการก่อนจะเหิรขึ้นฟ้ากันอยู่พอสมควรทีเดียวโชคดีที่คราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้โดยสารแต่ต้องผู้ช่วยนักบิน เขาเตรียมการด้วย ..ก็นะ..เตรียมเท่าที่ช่วยได้ เขาบอกให้ช่วยทำอะไร ก็ช่วยกันทำไป 5555
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าบอลลูนนี่ไม่ใช่นึกว่าจะบินเมื่อไรก็บินได้ เพราะต้องดูเรื่องของทิศทางลมและสภาพอากาศ แรงลม ล้วนมีผลอย่างมากต่อการขึ้นบิน ดังนั้นก่อนที่จะทำการบินจะต้องมีการเช็คลมฟ้าอากาศกันให้ชัวร์เสียก่อน อย่างที่งานบอลลูนนานาชาติ ของสิงห์ปาร์ค นี่ เขามีการประชุมทำความเข้าใจกันก่อนขึ้นบินทุกครั้ง เพราะบอลลูนมาจากหลากหลายชาติ หลายภาษา (ก็เพราะเป็นงานนานาชาติไง 555) หากต่างคนต่างบิน อาจจะเกิดอาการมั่วซั่วได้ จึงต้องมานั่งประชุมกันก่อน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เท่าที่สังเกตการณ์ดู บรรยากาศการประชุมก็สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ แบบชิลๆ สบายๆ ตามสไตล์นานาชาติ
หลังการประชุมทำความเข้าใจเสร็จแล้ว นักบินต่างแยกย้ายไปที่รถกระบะซึ่งมีตะกร้าบอลลูนของตัวเองอยู่ที่ท้ายรถ มีการปักธงระบุสัญชาติของบอลลูนไว้เสร็จสรรพ ตะกร้าบอลลูน นี้ทำจากหวายที่สานขึ้นมาอย่างแข็งแรงแน่นหนาและหนักมากๆ หากจินตนาการความหนักไม่ออกก็คือตอนยกลงจากรถนี่ต้องใช้ผู้ชายกำยำล่ำสันหลายคนช่วยกันขนลงจากกระบะ เลยทีเดียว
ด้านล่างของตะกร้าบอลลูน มีไม้ตีรองกันกระแทกไว้ด้วย และขอบตะกร้าเย็บหุ้มด้วยหนัง ตะกร้าที่ผมขึ้นไป ดูจากสภาพแล้วกรำศึกผ่านมาหลายสมรภูมิพอสมควรเลย
เมื่อขนตะกร้าลงมายังจุดปล่อยบอลลูน ซึ่งก็เล็งๆ กันดูแล้วว่าเป็นทางที่อยู่ต้นลม จากนั้นก็เป็นขึ้นตอนการนำผ้าใบกางคลี่ออกบนพื้น โดยจะต้องแผ่ออกไปให้กว้างที่สุด ตอนพับมาเล็กนิดเดียวเหมือนถุงนอน แต่พอกางออกเท่านั้นล่ะ โอว.. ใช้เนื้อที่มากมายเลยทีเดียว
ผมได้รับเกียรติ (หรือเปล่า?) ให้ไปยืนเหยียบอยู่บนบอลลูนด้วย เพื่อให้ คนอื่นๆ สามารถคลี่แผ่นออกไปได้กว้างๆ โดยมีน้ำหนักของผมเป็นตัวยึดไม่ให้บอลลูนเลื่อนไปเลื่อนมา (น่าภูมิใจ แสดงว่าน้ำหนักเรานี่หนักมากอยู่ 555 ) จากนั้นนักบินเขาก็จะเริ่มเอาพวกสารพัดเชือกและสลิงเข้ายึดตัวบอลลูนเข้ากับตะกร้าล่ะ
ขั้นตอนต่อจากนี้จะเป็นเรื่องการใช้พัดลมเป่าลมเข้าไปในลูกบอลลูนเพื่อให้ บอลลูนพองออก โดยผมก็ไปมีส่วนร่วมกับทีมงานเขาอีกเช่นเคย คือไปคอยยกผ้าใบเพื่อทำให้ช่องที่ลมเข้านั้นจะได้กว้างๆ หน่อย ยกไปสักพักเหงื่อตกจ้า ก็มันหนักใช่เล่นเลยนะผ้าใบของบอลลูนเนี่ย
เป่าลมเข้าไปสักพัก ก็เป็นรายการพ่นไฟเป็นมังกรตามมาเลยจ้า ซึ่งการพ่นไฟโดยใช้หัวแก๊สนี้ก็เพื่อทำให้ตัวบอลลูนเริ่มตั้งขึ้น เป็นการอัดความร้อนเข้าไปเพราะตามทฤษฎีความร้อนย่อมลอยตัวสูง ก็เลยไปยกบอลลูนขึ้นสูงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ โมเม้นท์ตอนพ่นไปเข้าบอลลูนนี่คือทั้งลุ้นและร้อน เสียงดังฟู่ๆ เป็นระยะๆ เลยทีเดียว
ทีนี้เราก็ต้องรีบปีนขึ้นไปยืนในตะกร้ากันล่ะครับ จังหวะนี้เองทีมงานด้านล่างก็จะช่วยกันยื้อช่วยกันดึงตะกร้าไว้ไม่ให้ลอยขึ้นฟ้าไปกับบอลลูน เพราะบอลลูนมันเต่งตึงได้ที่แล้ว
แต่ทางนักบินก็จะคอยตะโกนบอกทางให้ทีมงานที่อยู่บนพื้นช่วยกันเข็นตะกร้าไปยังตำแหน่งที่ทางนักบินคำนวณทิศทางลมไว้แล้ว ซึ่งก็ต้องเดินไปเดินมาลากตะกร้า (ซึ่งลอยเหนือพื้นนิดๆ แล้วช่วงนี้) ไปๆ มาๆ จนได้มุมที่นักบินพอใจและสั่งให้หยุดเดิน แต่อย่าเพิ่งปล่อยมือจากตะกร้านะจ๊ะ
ที่ผมเล่าๆ มาเนี่ย คงพอจะทำให้ท่านเห็นภาพว่าขั้นตอนการจะนำบอลลูนขึ้นไปลอยบนฟ้ามันไม่ได้ง่ายเหมือนปล่อยลูกโป่งสวรรค์ ต้องอาศัยการเตรียมการค่อนข้างมากและยังต้องพึ่งทิศทางลมรวมถึงการบังคับทิศทางโดยใช้เชือกที่ถูกยึดโยงลงมาจากตัวบอลลูนอีกด้วย นี่แค่เล่าผมยังเหนื่อยคิดดูว่า นักบินที่ควบคุม และทีมงานที่ต้องเตรียมการจะเหนื่อยกันขนาดไหนกว่าจะทำให้บอลลูนขึ้นไปลอยสวยๆ บนฟ้า ให้เราได้ถ่ายรูปกันเนี่ย
ในที่สุด ก็ได้เวลาฤกษ์งามยามเหมาะ ทิศทางลมฮวงจุ้ย ทุกอย่างพร้อม เข้าที่เข้าทาง นักบินหรือ Pilot จึงให้สัญญาณบอกทีมงานข้างล่างให้ปล่อยมือจากตะกร้า และแล้ว…ทันใดนั้นเอง ลูกบอลลูนก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้า
ช่วงนี้ล่ะครับ นักบินจะต้องคอยเช็คทิศทางลมและดึงเชือกบังคับบอลลูนให้ลอยสูงต่ำขึ้นลง ล้อกับทิศทางลม เพื่อให้บอลลูนลอยไปในทิศทางที่ต้องการ (นี่ผมก็เพิ่งรู้นะว่า ลูกบอลลูนใหญ่โตนั้น บังคับด้วยเชือกเพียงสองเส้นเอง 55) ฟังดูเหมือนง่ายแต่ของจริงไม่ง่าย เพราะดูเหมือนเขาจะต้องคอยดึงเชือกเส้นนั้นเส้นนี้ สลับกับกดปล่อยไฟพ่นใส่ลูกบอลลูนเป็นระยะๆ ตลอดเวลา เพื่อรักษาระดับความสูง เอาเป็นว่าถ้ายืนอยู่บนตะกร้าบอลลูน ท่านจะได้ยินเสียงฟู่ๆ พร้อมไฟร้อนๆ วาบๆ อยู่เหนือศีรษะเป็นระยะๆ ตลอดเวลา (จะว่าไปแล้วก็ตื่นเต้นเร้าใจทั้งเปลวไฟ ทั้งความสูง 555)
เมื่อนักบินนำบอลลูนลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่ปรากฎตรงหน้าของผมคือ บอลลูนหลากสี หลายรูปทรง จากชาติต่างๆ ที่กำลังลอยตัวขึ้นพร้อมๆ กัน เป็นภาพที่งดงาม จับใจมาก และเมื่อมองลงไปเบื้องล่าง ยังเห็นภาพวิวทิวทัศน์ในมุมสูงของ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ซึ่งบอกได้คำเดียว่า “ สวยมากกกกก !!!! “
ข้อคิดที่ผมได้จากการขึ้นบอลลูนครั้งนี้ คือมนุษย์ไม่มีทางเอาชนะธรรมชาติได้ บอลลูนเป็นอากาศยานที่ต้องอาศัยทิศทางลมเป็นหลัก หากปราศจากแรงลมพัดแล้วจะไม่มีทางขึ้นบินได้เลย และเมื่อลมเปลี่ยนทิศทาง การบังคับบอลลูนก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามกระแสลมด้วย มนุษย์ทำได้เพียงแค่ทำตัวให้สอดคลอ้งกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ใช่ไปฝืนธรรมชาติ ต้องขอบคุณสิงห์ปาร์ค เชียงราย ที่ลงทุนจัดงานดีๆ ระดับอินเตอร์แบบนี้ ให้กับชาวเชียงรายและคนไทย ประสบการณ์การขึ้นบอลลูนครั้งแรกนี้ทำให้ผมได้เห็นมุมสูงๆ สวยๆ ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนในชีวิต รวมทั้งยังได้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับชีวิตติดไม้ติดมือกลับไปด้วย ส่วนท่านที่อยากจะสัมผัสประสบการณ์บอลลูนนานาชาติแบบนี้ ให้กาไว้ในปฏิทินท่องเที่ยว จองตั๋วล่วงหน้ามาเชียงรายไว้ได้เลยครับ งานบอลลูนนานาชาตินี้จะมีทุกปีในช่วงวันแห่งความรัก นี่ล่ะครับ
พาแอ่วโดย: อาจารย์บอม