รีวิวหนัง พรจากฟ้า

พรจากฟ้า ถือเป็นหนังเรื่องที่สองของค่าย GDH หลังจากที่ปล่อยเรื่องแรกคือ แฟนเดย์ ออกมาให้แฟนๆ ได้ดูกันไปเมื่อไม่นานนี้ สำหรับจุดเด่นของหนังเรื่อง พรจากฟ้า คือ เป็นภาพยนตร์ที่รวมดาราระดับแม่เหล็กของค่ายนี้ไว้อย่างคับคั่ง และเมื่อดูจบต้องบอกเลยว่าเป็นหนังที่ครบรสมากๆทั้งเนื้อหาและบทเพลง ถือเป็นหนังไทยดีๆ ส่งท้ายปีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เรื่องราวของหนังแบ่งออกเป็น 3 ตอน โดยใช้ชื่อตอนตามชื่อเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันได้แก่ ยามเย็น, Still on My Mind และ พรปีใหม่โดยแต่ละตอนมีการร้อยเรียงเชื่อมต่อกันโดยตัวละครบางตัว โดยคู่แรกจะเป็นเรื่องราวระหว่าง บีม (รับบทโดย ณภัทร เสียงสมบุญ) หนุ่มที่กำลังจะได้ทุนไปเรียนระดับปริญญาโท ที่รัสเซีย กับสาว แป้ง (รับบทโดย วี วิโอเลต) ที่เป็นนักร้องเสียงประสาน สองคนนี้มาพบกันในงานซ้อมมอบทุนของสถานทูต โดยมารับบทเป็นตัวแทนท่านทูตและภรรยา ในวันซ้อม แม้จะเป็นการเจอกันไม่นานนักแต่ก็ทำให้ทั้งสองเกิดความประทับใจซึ่งกันและกันจนนำไปสู่ความรัก ในที่สุด

โดยหนึ่งในทีมงานจัดงานครั้งนี้ คือ “ฟา” (รับโดย มิว นิษฐา) ซึ่งมีคุณพ่อเป็นอัลไซเมอร์ ภายหลังจากที่คุณแม่เสียไป “ฟา” จำเป็นต้องลาออกจากงานมาดูแลคุณพ่อ ท่ามกลางความเครียดและสารพัดความกดดันที่ต้องดูแลคนป่วย เสียงเปียโนที่เคยทำให้คุณแม่คุณพ่อได้รักกัน กลับกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้คุณพ่อมีอาการดีขึ้น โดยมีช่างปรับแต่งเสียงเปียโนชื่อ “เอ” (รับบทโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) มาช่วยร่วมขบวนการเติมเต็มความทรงจำดีๆ ให้คุณพ่อและเติมเต็มหัวใจให้กับ “ฟา” ผู้กำลังอ่อนล้าและขาดกำลังใจด้วย

ในขณะที่ “ป้าฟ้า” ซึ่งเป็นคุณแม่ของฟา ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ได้ทำงานอยู่ในสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะลาออกมาดูแลคุณพ่อที่ป่วย ในที่ทำงานแห่งนั้น คุณป้าฟ้า ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนในที่ทำงานได้ฝึกเล่นดนตรี แต่เมื่อคุณป้าลาออกไปและเสียชีวิต ก็ไม่มีใครได้เล่นดนตรีอีกเลย จนกระทั่ง วันที่ “หลง” (รับบทโดย เต๋อ ฉันทวิชช์) ได้เข้ามาเป็นพนักงานใหม่ เขาก็ได้พบกับ “คิม” (รับบทโดย หนูนา หนึ่งธิดา) ที่ช่วยทำให้เขาได้เห็นคุณค่าของการเล่นดนตรีที่แท้จริง และพลิกฟื้นเขาจากนักดนตรีร็อคผู้พ่ายแพ้ ให้กลายมาเป็นคนที่สร้างกำลังใจและกระตุ้นให้ทุกคนในบริษัทฯ อยากมีส่วนร่วมในการเล่นดนตรี ซึ่งถือเป็นความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้ เป็นเหมือนพรจากสวรรค์เลยทีเดียว

สรุปคะแนนรีวิวหนัง พรจากฟ้า ในส่วนของนักแสดงนำ ขอบอกว่าทุกคนเล่นได้ดีมากๆ คู่ของ “วี วิโอเลต กับ ณภัทร เสียงสมบุญ” ออกแนวกวนประสาท หยอดมุกกวนๆ กันสนุกดี เล่นเป็นได้ดีเป็นธรรมชาติ ส่วนคู่ของ “มิว กับ ซันนี่” นั้น ต้องยกนิ้วให้ “มิว นิษฐา” กับบทร้องไห้ คือ ยังรักษามาตรฐานดาราเจ้าน้ำตาไว้ได้อย่างไม่มีที่ติ คนอะไรยิ่งร้องไห้ยิ่งน่ารัก (และน่าสงสารด้วย) ส่วนซันนี่ ก็เล่นบทผู้ชายอารมณ์ดี แนวนิ่งๆ แต่ขำลึกๆ ได้ดีทีเดียว และ คู่ที่สามคือ “หนูนา กับ เต๋อ ฉันทวิชช์” ต้องยอมรับว่า รอยยิ้มของ “หนูนา” นี่สะเทือนหัวใจคนดูพอๆ กับ น้ำตาของ “มิว นิษฐา” เลยทีเดียว บอกเลยว่า “หนูนา” เป็นดาราที่ยิ้มสวยมากๆ และแสดงได้ดีมากๆ ด้วย ส่วน “เต๋อ ฉันทวิชช์” นั้นท็อปฟอร์มอยู่แล้วครับ เล่นใหญ่จัดเต็ม ทั้งฮา ทั้งจริงจัง สีหน้าแววตามาครบ สำหรับในส่วนของนักแสดงนำ รวมทั้งนักแสดงประกอบด้วยผมให้เลย 9/10 สำหรับในส่วนของการดำเนินเรื่อง ต้องขอชมเชยเป็นอย่างยิ่ง แต่ละตอนให้อรรถรสที่แตกต่างกันแต่พอมาร้อยเรียงต่อกันแล้วครบรสมากๆ ตอนแรกของ “วีกับณภัทร” ดำเนินเรื่องได้รวดเร็วฉับไว เนื้อหาน่ารักน่าหยิกยียวนกวนโทโสพอๆ กัน พอมาตอนสองของ “มิวกับซันนี่” เรียกว่าอารมณ์โศกเศร้าเคล้าน้ำตาและความประทับใจมาเต็มๆ พอมาถึงตอนสาม “หนูนากับเต๋อ” เรียกว่ามากันครบทั้ง สนุกสนาน เฮฮา ฉิ่งฉับ แตรวงบรรเลง ทั้งร้องทั้งเต้น จัดเต็มมากๆ ถือเป็นหนังไทยที่มีการดำเนินเรื่องได้กลมกล่อมลงตัวมาก ผมให้ที่ 9/10 ส่วนเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีการอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์มาถึง3 เพลง ไม่ว่าจะเป็น ยามเย็น, Still on My Mind และ พรปีใหม่ ก็ขับร้องและบรรเลงออกมาได้อย่างไพเราะจับใจมากๆ ยังไม่นับเพลงลูกทุ่งอื่นๆ ที่นำมาร้องในหนังด้วย ซึ่งทำออกมาได้ดีเช่นกันผมให้ที่ 9/10 สรุปคะแนนรวมของหนังเรื่อง “พรจากฟ้า” ผมให้ที่ 9/10 ถือเป็นหนังไทยที่ดีมากๆ ดูแล้วอิ่มเอมหัวใจ ทั้งเสียงหัวเราะและความประทับใจ ที่สำคัญได้ฟังเพลงพระราชนิพนธ์แล้ว … ผมคิดถึงในหลวง ท้ายสุดพูดฝากกันดื้อๆ เลย คืออยากให้ คนไทยไปดู “พรจากฟ้า” รับรองสนุกครบรสคุ้มค่าคุ้มราคา จริงๆ ครับ

อาจารย์บอม

ปล.หนังเรืองนี้บัตร 99 บาทเท่านั้นครับ สำหรับที่นั่งปกติ