ผ่านพ้นมา 7 วันกับการเสด็จสวรรคตขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล หรือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรชาวไทยทุกคน ความอาลัยรักที่ประชาชนมีต่อพระองค์นั้นไม่ได้เหือดแห้งหายไปตามกาลเวลา กลับทวีมากล้นขึ้นเมื่อได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์และพระราชกรณียกิจของพระองค์ที่นำเสนอผ่านสื่อต่างๆ อย่างมากมายในช่วงเวลานี้
ตลอด 7 วันที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่แสดงถึงความรัก ความอาลัยที่มีต่อการเสด็จจากไปของพระองค์ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ในช่วงเวลาดังกล่าวผมใช้ทวิตเตอร์ เขียนบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ และรีทวิตข่าวสารบางส่วนที่ปรากฏในสื่อมวลชน แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น หลังวันเสด็จสวรรคตนั้น มีมากมายเหลือเกิน ซึ่งผมไม่ได้อาจบันทึกไว้ได้ทั้งหมด แต่ขอใช้เนื้อที่ในบทความนี้ เก็บรวบรวมบางส่วนของเหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์เหล่านั้น จากสิ่งที่ผมได้ทำการทวิตออกไป แม้อาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด แต่วันหนึ่งข้างหน้า หากมีใครได้มาอ่านบทความนี้ คงจะได้เห็นถึงความเศร้าโศกอาลัย รวมทั้งความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวไทย ในในท่ามกลางความเศร้าโศกโทมนัสอย่างแสนสาหัส กับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ
วันที่ 13 ตุลาคม เวลา 18.45 น. สำนักพระราชวังออกประกาศว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จสวรรคตแล้ว แทบจะทันใดนั้น เสียงร่ำไห้ของพสกนิกรก็ดังก้องระงมขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่ โรงพยาบาล ศิริราช ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันสวดมนต์ถวายพระพร หลายคนตะโกนขึ้นว่า “พ่อหลวงของปวงชน” “ไม่จริงใช่ไหม” “หนูรักพ่อ” “ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย” “ทรงพระเจริญ” อย่างไม่ขาดสาย และต่างชูพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นเหนือหัว หลายคนถึงกับปักหลักรอเพื่อหวังส่งเสด็จครั้งสุดท้าย โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งนี้มีประชาชนบางส่วนเสียใจจนเป็นลม ต้องหิ้วขึ้นเปลเพื่อนำไปปฐมพยาบาลเป็นจำนวนมาก
บรรยากาศของประเทศไทยในคืนวันนั้น เต็มไปด้วยความเศร้าสลดและมีการถวายความอาลัยต่อพระองค์ท่านไปทั่วประเทศ ป้ายโฆษณาตามจุดต่างๆ ถูกเปลี่ยนเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ สีขาวดำขึ้นเต็มไปทั่วประเทศในทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งบนเว็บไซต์ต่างๆ
ทันทีที่มีการประกาศข่าวการเสด็จสวรรคตของในหลวงไทย ที่ประเทศภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ได้จุดตะเกียงถวายความอาลัยแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลและได้ทรงโปรดให้วัดและประชาชนในประเทศภูฎานสวดมนต์และจุดตะเกียงถวายความอาลัยแด่พระเจ้าอยู่หัวของไทยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน โดยพระองค์จะเสด็จเยือนประเทศไทย เพื่อถวายบังคมพระบรมศพด้วยพระองค์เองในวันที่ 15-16 ตุลาคม 2559 ถือเป็นประมุขของรัฐพระองค์แรกที่เสด็จมาประเทศไทยเพื่อถวายความอาลัย
วันที่ 14 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 16:45 นาที ขบวนพระบรมศพ เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง โดยมี พสกนิกร และข้าราชการทหารตำรวจ รอเฝ้าส่งเสด็จอย่างมืดฟ้ามัวดิน หลายคนค้างคืนรอ หลายคนเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะได้มีโอกาสร่วมส่งเสด็จในครั้งนี้ ตลอดทางที่ขบวนพระบรมศพผ่าน เราได้เห็นภาพการคุกเข่าถวายความเคารพของทหารเรือ ซึ่งเป็นภาพการแสดงความเคารพแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ รถตู้คันที่ใช้ในการอัญเชิญพระบรมศพ ทะเบียน 1ด-0929 นั้นมิใช่รถที่หรูหรา แต่เป็นรถที่มีความเรียบง่าย ทราบจากข่าวภายหลังว่า เป็นรถพระที่นั่งคันที่ทรงโปรด และเป็นรถที่พระองค์เคยใช้เพื่อทรงงาน มาหลายปี โดยไม่ได้มีการตกแต่ง ดัดแปลง เพื่อเพิ่มความหรูหราแต่ประการใดทั้งสิ้น
สารแสดงความอาลัยจาก ผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลกส่งมายังประเทศไทยอย่างไม่ขาดสาย และหลายประเทศมีการประกาศให้ลดธงลงครึ่งเสาเพื่อถวายความอาลัยให้กับในหลวงของไทย โดยที่ประเทศอังกฤษมีการลดธงลงครึ่งเสาที่พระราชวังเวสมินเตอร์ด้วย
ในโลกโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นทวิตเตอร์หรือ เฟสบุ๊ค ได้มีการแชร์พระบรมฉายาลักษณ์ พระราชดำรัส
พระราชประวัติและคำสอนต่างๆ ของพระองค์ รวมทั้งความทรงจำในด้านต่างๆ ที่ประชาชนแต่ละคนมีต่อในหลวงของเขาออกมาเต็มไปหมด ภาพโปรไฟล์ต่างๆ บน โซเชียลเน็ตเวอร์ค ถูกเปลี่ยนให้เป็นโทนสี ดำ ขาว แทบจะทั้งสิ้น
พระราชประวัติและคำสอนต่างๆ ของพระองค์ รวมทั้งความทรงจำในด้านต่างๆ ที่ประชาชนแต่ละคนมีต่อในหลวงของเขาออกมาเต็มไปหมด ภาพโปรไฟล์ต่างๆ บน โซเชียลเน็ตเวอร์ค ถูกเปลี่ยนให้เป็นโทนสี ดำ ขาว แทบจะทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นในโรงพยาบาล หน่วยงานและสถานที่ราชการต่างๆ หรือ แม้กระทั่งในห้างสรรพสินค้าต่างพร้อมใจกัน เปิดเพลงพระราชนิพนธ์ และ มีการถ่ายทอดสดบรรยากาศการสวดพระอภิธรรม พระบรมศพ และพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศตลอดทั้งวัน
ประชาชนเป็นจำนวนมาก ได้ออกมาหาซื้อเสื้อผ้าสีดำ จนทำให้เสื้อผ้าสีดำขาดตลาดไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ทำให้ผู้ค้าบางรายฉวยโอกาสขึ้นราคาเสื้อผ้าสีดำจนรัฐบาลต้องออกมาปรามและแจ้งให้ประชาชนทราบว่า สามารถใช้ริบบิ้นสีดำกลัดติดเสื้อเพื่อถวายความอาลัยแทนได้
ส่วนที่พระบรมมหาราชวังและบริเวณโดยรอบสนามหลวง มีประชาชนเป็นจำนวนมากเข้าแถวเพื่อรอที่จะไปถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกประชาชนเหล่านั้นก็ไม่มีถอย และที่น่าประทับใจก็คือ มีประชาชนที่มีจิตอาสาเป็นจำนวนมาก นำทั้งอาหาร น้ำดื่ม หรือ แม้กระทั่งเสื้อกันฝน มาแจกจ่ายให้กับประชาชน รวมทั้งมีเยาวชนหลายคนเดินถือถุงดำเพื่อเก็บขยะในบริเวณโดยรอบด้วย
เกิดเหตุการณ์ต่อต้านคนที่ไม่ได้สวมชุดดำหรือแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์สวรรคต จนเกือบจะเป็นเหตุขัดแย้งและไล่ล่ากัน เมื่อเหตุการณ์เริ่มที่จะบานปลาย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ได้ออกมาเทศน์เตือนสติ ให้ทุกคน “ใจกว้างและมีเมตตาต่อกัน” รวมทั้งกล่าวว่า คนเราแต่ละคนมีวิธีแสดงความเศร้าโศกไม่เหมือนกัน และ อาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ก็ออกมาย้ำอีกว่า “ใส่เสื้อสีอะไร ก็ร้องไห้ไม่แพ้กัน”
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่จะต้องบันทึกไว้ เพราะนำมาซึ่งความปลื้มปิติของพสนิกรชาวไทย คือ ในคืนวันที่ 18 ตุลาคม 2559 เวลาประมาณ 21.20 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา ได้เสด็จไปประทานข้าวกล่องและน้ำดื่มให้กับประชาชนที่อยู่บริเวณรอบพระบรมมหาราชวังด้วยพระองค์เอง และยังทรงให้กำลังใจประชาชนด้วยว่าให้ “รักกันๆ ”
นอกจากในเรื่องอาหารการกินแล้ว เรื่องการเดินทางเข้าสู่บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวังเพื่อถวายความอาลัยต่อพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ก็ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากหลายภาคส่วนเป็นอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารหรือแม้กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์ อีกทั้งยังมีรถสุขาเคลื่อนที่อย่างดีจาก สิงห์ มาให้จอดให้บริการฟรี บริเวณราชนาวีสโมสร ด้วย
สิ่งที่ผมต้องขอชื่นชมเป็นพิเศษ คือ เยาวชนจิตอาสา ที่ร่วมแรงร่วมใจกันให้บริการประชาชน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ตามความกำลังความสามารถที่พวกตนมี อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการถวายความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เหมาะสมต่อกาละเทศะ ยินดีให้บริการกับทุกคนไม่จำกัดเพศและวัย ด้วยไมตรีจิต ไม่ว่าพวกเขาจะเปียกปอนท่ามกลางสายฝนหรือเหงื่อท่วมกายด้วยเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด ก็ตาม ทั้งนี้เพราะทุกคน ล้วนมี “ความอาลัยรัก” ต่อองค์ในหลวงภูมิพล และปรารถนาที่จะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเพื่อถวายให้แด่ในหลวงผู้ทรงสถิตย์อยู่ในดวงใจของพวกเราตลอดกาล #รักและคิดถึงในหลวงสุดหัวใจ
ชนัฐ เกิดประดับ
21 ตุลาคม 2559
บันทึกไว้ในความทรงจำ ครบรอบ 7 วัน
แห่งการจากไปขององค์พ่อหลวงแห่งแผ่นดินไทย