ผมเองก็เพิ่งทราบนะครับว่า ในต่างประเทศ เขามีอาชีพ “นักเล่านิทาน” ด้วย ถือเป็นอาชีพที่น่าสนใจมาก แต่ไม่แน่ว่า ถ้ามาอยู่เมืองไทยเราแล้วจะเป็นอย่างไร จะมีใครจ้างให้ไปเล่านิทานหรือเปล่า ที่ผมพูดถึงอาชีพนี้ขึ้นมาเพราะผมไปสะดุดใจกับคำว่า “นิทาน หรือเรื่องเล่า” ซึ่งฝรั่งใช้คำว่า
Tale (อ่านว่า เทล) แปลว่า “นิทาน หรือ นิยาย”
คำนี้เป็นคำนาม แปลว่า “นิทาน หรือ นิยาย” ถ้าใช้ในความหมายเชิงลบ จะแปลว่า “เรื่องโกหก หรือ คำนินทา” แต่หากจะพูดถึงพวก เทพนิยาย ต่างๆ จะใช้คำว่า “Fairy Tale” (อ่านว่า แฟรี่ เทล) Fairy Tale นี้นอกจากแปลว่าเทพนิยายแล้ว ยังเป็นสำนวน แปลว่า “เรื่องโกหกหลอกเด็ก” ได้อีกด้วย มาดูกันอีกคำที่น่าสนใจ คือ
Tail (อ่านว่า เทล) แปลว่า “หาง”
คำนี้เป็นได้ทั้งคำนามและคำคุณศัพท์ (Adjective) โดยจะแปลว่า “หาง ส่วนท้าย หรือ ปลาย” ถ้าใช้เป็นคำกริยา Tail จะหมายถึง “เป็นส่วนปลาย หรือ ใส่หาง หรือ ตามหลัง” ก็ได้ ความหมายเยอะแยะหลากหลายดี แต่รวมๆ ก็คือ หาง หรือส่วนท้าย ถ้าพูดถึงการโยนหัวก้อย เหรียญบาท ด้านหัว เราจะเรียกตรงๆ ว่า Head ส่วนด้านก้อย เราจะเรียกว่า Tail นี่ล่ะครับ
สิ่งที่น่าสนใจคือ คำว่า Tale นิทาน กับ Tail หาง นั้น ออกเสียงเหมือนกันเลย คือ “เทล” ทีนี้เวลาไปเจอคนพูดคำสองคำนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังหมายถึงตัวไหน อันนี้บอกเลยว่าต้องใช้ความสามารถในการเดาละครับ ว่าความหมายรวมของประโยคนั้นน่าจะพูดถึง “นิทาน” หรือพูดถึง “หาง” ดังนั้นเราต้องรู้ความหมายของประโยคก่อน ก็จะแปลต่อได้ แต่หากไม่รู้ความหมายรวมของประโยค โอกาสแปลผิดนี่ จะสูงมากถึงมากที่สุด
อาจารย์บอม