รีวิวหนัง อาบัติ เรื่องย่อหนัง อาบัติ เรื่องย่อ อาปัติ รีวิว อาปัติ

ต้องถือว่าเป็นหนังไทยอีกเรื่องที่โด่งดังเปรี้ยงปร้างก่อนจะได้เข้าฉายจริงซะอีก สำหรับหนังเรื่อง “อาบัติ” ที่ว่าจะได้ฉาย ก็ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “อาปัติ” และหั่นบางฉากบางตอนออกด้วย แต่หากทำกันถึงขนาดนี้ แล้วยังไม่ได้ฉายอีก ไม่รู้ผู้สร้างอาจจะต้องเปลี่ยนชื่อเป็น “อาปุ๊” “อาแปะ” หรือยันไปจนถึง “อาราเร่” กันเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้ (อันนี้แซวเล่นนะครับ 555)

ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และหั่นฉากที่ว่ากันว่าเป็นฉากสำคัญบางฉากออกไป นัยว่าเพื่อเลี่ยงความกระทบกระเทือนใจชาวพุทธ แต่หากจะพูดกันตรงๆ แล้ว หลังจากผมดู “อาบัติ” จบ กลับพบว่าภาพรวมของหนังไม่ได้มีเนื้อหาอะไรที่ดูถูกดูหมิ่นพุทธศาสนาเลย แต่กลับชี้ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษของคนที่ไม่อยู่ในศีลในธรรมและออกแนวปกป้องศาสนาซะด้วยซ้ำไป สรุปคือหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาที่มุ่งโจมตีศาสนา แต่ออกจะเป็นหนัง แนวหนังสยองขวัญ ฆาตกรรมอำพราง ซับซ้อนซ่อนเงื่อนลับลวงพราง และออกแนวกฎแห่งกรรม ซะมากกว่า

เรื่องของเรื่องเริ่มที่ “ซัน” (รับบทโดย แน็ก ชาลี ไตรรัตน์) ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มชาวกรุงที่ถูกพ่อแม่ส่งให้มาบวชเป็นเณรอยู่ที่วัดเล็กๆ แห่งหนึ่งในชนบท ตัว “ซัน” เองนั้น ก็ไม่ได้อยากจะบวชอะไรหนักหนา เพราะยังรู้สึกผูกพันกับชีวิตใน กทม. และห่วงใยแฟนสาวที่อยู่กรุงเทพ ดังนั้นวันๆ ของ “ซัน” จึงไม่ได้สนใจปฏิบัติธรรมอะไร นอกจากเล่นโทรศัพท์มือถือ ทั้งวัน ทั้งคืน แถมยังไปแอบนัด แอบกิ๊ก คบหาพูดคุยกับสาวในหมู่บ้านอย่าง “ฝ้าย” (รับบทโดย พลอย ศรนรินทร์) ซึ่งเป็นเด็กสาวใสซื่อที่มองความรักแบบโลกสวย เรื่องนี้ ทำให้เณร “ซัน” ต้องเผชิญกับความท้าทายและสุ่มเสี่ยงต่อการ “อาบัติ” เป็นอย่างยิ่ง

แต่จุดพีคของเรื่อง “อาบัติ” นี้อยู่ตรงกุฏิที่ “เณรซัน” ใช้จำวัดอยู่ เพราะเป็นกุฏิที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า กุฏินี้คือจุดรวมของเรื่องทั้งหมดใน “อาบัติ” ทั้งผี ทั้งเปรต ทั้งคนดี ทั้งคนบ้า ทั้งความสยอง ความหลอน เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึก และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความลับของวัดแห่งนี้ ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และจบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรงๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

จุดเด่นของหนัง “อาบัติ” อยู่ที่การดำเนินเรื่องและบทภาพยนตร์ ซึ่งถือว่าทำได้ดีมากๆ
มีการวางปมซับซ้อนซ่อนเงื่อนน่าคิดน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ อันนี้ผมชอบ ขอให้คะแนนส่วนนี้ที่
9.5/10 ส่วนเรื่องความน่ากลัวหรือความสยดสยองของบรรดาผีๆ ผมให้ที่ 8/10 ไม่ใช่ ไม่น่ากลัวนะครับ แต่บางฉากบางตอน ที่มีผีโผล่มากรีดร้องให้เราสะดุ้งตกใจ (คล้ายๆ เวลาเพื่อนหลอกให้เราดูคลิปแอบถ่ายแล้วตอนจบกลายเป็นผีโผล่มากรี๊ดใส่หน้าจอ) ซึ่งผมถือว่าผีแนวกรี๊ดนี้เป็นการทำให้คนดูตกใจแบบไร้รสนิยมไปหน่อย แต่หากเป็นฉากผีเปรตออกมา อันนี้ผมชอบ แอคติ้งของผีเปรตถือว่าดี คือ มาแบบนุ่มๆ ซอฟท์ๆ ว่อบๆ แว่บๆ เป็นเงาบ้าง ให้เห็นตัวบ้าง ถือว่ารักษามาดของเปรตได้เป็นอย่างดี ไม่มีโฉ่งฉ่าง ไม่มีให้เสียลุค ทำให้ “เปรต” ดูสุขุมน่าลุ้นน่าติดตามกว่า “ผีกรี๊ด”

ในส่วนของนักแสดงนำนั้น ถือว่าเล่นได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มแน็ก “ชาลี ไตรรัตน์” หรือนางเอกสาวหน้าใสอย่าง น้อง “พลอย ศรนรินทร์” (หน้าตาเธอคล้าย จินตหรา สุขพัฒน์ สมัยสาวๆ นะ น่ารักดี) และที่ต้องชมเป็นพิเศษเลยก็คือพี่เอก “สรพงษ์ ชาตรี” ถือว่าเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่เล่นได้ครบรสมาก ในส่วนของ พี่ “หนุ่ม อรรถพร” ก็เล่นได้ดีกับบทนิ่งๆ ขรึมๆ เหมือนคนมีปม แต่ที่ผมชอบและถือว่าเป็นบทเด่นกว่าพระเอกอีกคือ “หลวงพี่ทิน” ที่รับบทโดย “ดนัย จารุจินดา” ผมสารภาพว่าหลงรักเขาเลยกับบทบาทการแสดงในเรื่องนี้ สรุปรวมๆ ในส่วนนักแสดงนำผมให้ที่ 9/10 ในส่วนของข้อคิดข้อเตือนใจและหลักธรรม ซึ่งสามารถให้เรานำไปคิดต่อ ให้เรากลัวบาปกลัวกรรม หนังเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดี ให้ที่ 9.5/10 สรุปภาพรวมหนัง “อาบัติ” หรือชื่อใหม่คือ “อาปัติ” นี้ผมให้ที่ 9.5/10 ถือว่าเป็นหนังไทยดีๆ อีกเรื่องที่น่าดู ย้ำอีกครั้งว่าฉากเปลือย ฉากโป๊ ฉากอีโรติค ไม่มีทั้งสิ้น ดูจบยังไม่เข้าใจว่าทำไม “อาปัติ” ถึงเป็นหนังเรต 18+ (คือหนัง แม่เบี้ย ของหม่อมน้อย นี่ยังโป๊กว่าหลายเท่าตัว) หรืออาจจะเป็นเพราะมีผีที่ดูน่ากลัวเกินไป (เหรอวะ 55) แต่สำหรับผมฟันธงว่าเป็นหนังไทยดีๆ อีกเรื่องที่น่าดูครับ

อาจารย์บอม