“มีฉากจบ ที่สวยงามและน่าประทับใจ” คือคำจำกัดความของผม หลังจากชมภาพยนตร์เรื่อง “Unbroken” หรือ “คนแกร่งหัวใจไม่ยอมแพ้” ซึ่งเป็นผลงานการกำกับและอำนวยการสร้างโดยนักแสดงชื่อดังอย่าง “แองเจลินา โจลี” (เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญในชีวิตเธอจากนักแสดงกลายมาเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้าง)
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ตัวผู้กำกับเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านชีวิตเชลยศึกชาวอเมริกัน ที่อยู่ในค่ายกักกันของกองทัพญี่ปุ่น รวมทั้งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในจิตใจมนุษย์ที่ต้องเอาตัวรอดเมื่อเผชิญกับวิกฤติการณ์
“Unbroken” สร้างโดย “อิง” จากชีวิตจริงของ “หลุยส์ แซมเพอรินี” นักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิคชาวสหรัฐ ที่เป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในระหว่างสงครามนั้น เครื่องบินของเขาเกิดเหตุขัดข้องทำให้ต้องตกลงกลางมหาสมุทร โดยที่เขาและเพื่อนๆ จะต้องหาอาหารเองจากสิ่งรอบๆ ตัวเพื่อดำรงชีวิต พวกเขาต้องอดทนอยู่ท่ามกลางผืนมหาสมุทรอันเวิ้งว้างนานถึง 47 วันเลยทีเดียว
สุดท้ายไม่รู้ควรจะดีใจหรือเสียใจ เพราะผู้ที่มาพบและช่วยพวกเขากลับกลายเป็นทหารญี่ปุ่น และนั่นทำให้เขาถูกจับเป็นเชลย โดยถูกส่งไปตกระกำลำบากแบบสุดๆ ในค่ายกักกัน ที่ราวกับ นรกบนดิน นี่เอง สุดท้ายด้วยจิตใจอันเข้มแข็ง อดทนแบบสุดๆ เขาก็สามารถผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ จนกระทั่งกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรชนะสงครามและเหล่าเชลยศึกได้รับการช่วยเหลือให้กลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนอย่างปลอดภัย
ท่านที่ฟังเนื้อเรื่องย่อๆ อาจกำลังคิดว่าหนังแนวนี้ก็พลอตเดิมๆ เหมือนที่เคยดูมาแล้ว ซึ่งถ้าจะมองแบบนั้นก็ไม่ผิด แต่หากท่านได้มีโอกาสเข้าไปนั่งดูแบบผม ท่านจะพบว่าหลายฉากนั้น ทำเอาต่อมน้ำตาแตกแบบไม่รู้ตัว ส่วนจะเป็นฉากไหนอย่างไรขอให้ไปดูเองนะครับ (อิอิ)
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความละเมียดละไมและแทรกความน่าสนใจไว้หลายจุด เช่น เรื่องครอบครัว ของ แซมเพอรินี ที่ชาวอิตาลีอพยพมาอยู่อเมริกา “แซมเพอรินี” ในวัยเด็กจึงโดนกลั่นแกล้งโดยเพื่อนๆ ชาวอเมริกันมาตลอด ส่งผลให้เขากลายเป็นเด็กที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ได้พี่ชายที่แสนดี (และหล่อด้วย) คอยเป็นกำลังใจและผลักดันเข้าสู่กีฬาวิ่งแข่ง จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้เหรียญทองโอลิมปิค ความรักของพี่ชายที่มีต่อน้องชาย ความรักระหว่างเพื่อนที่ต้องร่วมกันสู้และฝ่าฟันวิกฤติ ล้วนเป็นฉากที่งดงามและมีเสน่ห์สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้
หนังเรื่องนี้ยังสามารถสร้างพลังที่เข้มแข็งให้กับจิตใจได้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของความรักและความเชื่อ ที่ต้องชมเชยเป็นอย่างยิ่งคือ ผู้กำกับฯ ที่ตั้งใจเก็บรายละเอียด ได้ดีมากโดยเฉพาะเรื่อง การแต่งหน้า ทำได้สมจริงมาก เช่นฉากที่ต้องดำรงชีพอยู่กลางมหาสมุทรนานถึง 47 วัน เราได้เห็นพัฒนาการ ของความโทรม (เรียกว่าพัฒนาการ หรือวินาศนาการ ดี 555 ) ของแต่ละคน อย่างสมจริงมาก เช่น ริมฝีปากที่แห้งผาก เหมือนจะเป็นร้อนใน เพราะขาดน้ำ หนวดเคราที่ยาวขึ้นตามกาลเวลาและความผอมแห้งที่ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นจากการขาดสารอาหาร สำหรับในส่วนของนักแสดงก็แสดงได้ดีสมบทบาทโดยเฉพาะด้านสีหน้าและอารมณ์ความรู้สึก การดำเนินเรื่องทำได้ดี แต่สำหรับบางคนอาจจะดูเนือยๆ ไปบ้างในช่วงกลางๆ ของเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงกับอืดอาดน่าเบื่อ
สำหรับข้อคิดต่างๆ ที่ได้จากเรื่องนี้ รับรองได้เยอะครับ อย่างน้อยๆ ก็เห็นละครับว่าสงครามนี่มันไม่ดีเลย มีแต่ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายและมีแต่ความโหดร้ายทารุณ อย่างไรก็ตามอย่างที่ผมจั่วหัวไว้ เรื่องนี้จบได้สวยมาก สวยจริงๆ แอบบอกให้นิดๆ แล้วกันว่ามีการนำภาพตัวจริงของคุณปู่แซมเพอรินี ตอนอายุ 97 ปี (คุณปู่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 กค.2014) มาให้ดูด้วย พร้อมกิจกรรมที่น่าประทับใจซึ่งคุณปู่ได้มีส่วนร่วม ส่วนจะเป็นกิจกรรมอะไร อย่างไร นั้นขอให้ไปดูกันเองนะครับ
สรุปภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพรวม ผมให้ 8.5/10 ส่วนของการแต่งหน้าทำผมได้สมจริงให้ 9/10 ส่วนเนื้อหาสาระให้ข้อคิดเสริมพลังใจในชีวิต ผมให้ 9.5/10 คือ ชมแล้วได้อะไรติดหัวสมองกลับไปพัฒนาชีวิตได้ ไม่เหมือนหนังบางเรื่องดูจบออกมาแล้วสมองกลวงกว่าเดิม ในส่วนของการดำเนินเรื่องให้ที่ 8.5 /10 ส่วนนักแสดงผมให้ 8.5/10 สรุปเป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วได้ความประทับใจได้ข้อคิดและได้เห็นมุมมืด มุมสว่างของจิตใจผู้คนได้ดี เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ไปดู โดยเฉพาะแฟน ๆ ที่ติดใจในบทบาทการแสดงของ “แองเจลินา โจลี” ลองไปสัมผัส ฝีไม้ลายมือในการกำกับการแสดงของเธอดูบ้าง สำหรับความเห็นส่วนตัวของผม “เธอสอบผ่านสำหรับการเป็นผู้กำกับการแสดง” ครับ
อ.บอม
24-02-2015
หมายเหตุ: ความคิดเห็นและคะแนนที่ให้ไว้ในรีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ ไม่ได้อ้างอิงหลักเกณฑ์หรือหลักวิชาการใดๆ ทั้งสิ้นในการให้คะแนนดังนั้นท่านมีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง ได้ตามสะดวกครับ
บุคคลนี้ทำให้เรารู้ว่า “การออกกำลังกาย ทำให้อายุยืน” จากอายุของคุณปู่ทำให้เห็นแล้วว่าอยู่มายาวนานถึง 97ปีเลย
แวะมาทักทายคอคนรักหนังเหมือนกันครับ